แสดงหัวข้อทั้งหมด

Investment+Online (ver.3)

หลังจากซื้อหุ้นแบงค์กรุงไทย เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์แล้ว  ถ้ามีโอกาส ก็เข้าไปดูหุ้นตัวเองตลอด ซื้อมาที่ 17.00 บาท ต่อหุ้น  เท่าที่เข้าไปดูแต่ละวัน บางวันก็ 16.70 บาทต่อหุ้น บางวันก็ 16.80 บาท เห็นแล้วก็ห่อเหี่ยวใจครับ แต่มาวันนี้ ประมาณ 2อาทิตย์แล้ว หุ้นเป็นสีเขียวครับ เริ่มมีกำไรครับ ราคาหุ้นขึ้นมาเป็น 17.50 บาทต่อหุ้น บางวันก็เป็น 17.70 บาท บ้าง อย่างนี้ค่อยใจชื้นครับผม มีกำไรเป็น 1,000- แต่ก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะขายนะครับ เพราะเราถือนาน เพื่อการลงทุน ไม่ด่วนครับ

ดูไปดูมาก็คิดว่าน่าจะลงทุนเพิ่มในการหาหุ้นตัวใหม่เพื่อซื้อมาเก็บไว้อีก เพราะสถานการณ์ของเมืองไทยตอนนี้ ไม่ค่อยดี หุ้นก็ตก เราก็คิดเอาเองว่า น่าจะช้อนซื้อไว้ อีก 3-5 ปี ค่อยขาย ก็คิดแบบนักลงทุน ซื้อหุ้นเพราะอยากเป็นหุ้นส่วนของบริษัทนั้นๆ แล้วก็กินเงินปันผลไปก่อน  ยังไม่ต้องขายเอากำไรจากมูลค่าหุ้น

เงินปันผล

เท่าที่สอบถามจากผู้ดูแลบัญชีของเรา ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของ กสิกรไทย เค้าก็บอกว่า เวลาหุ้นตัวไหนจะมีการปันผล จะขึ้นเครื่องหมาย XD ขึ้นก่อน หลังจากนั้นก็จะปันผลให้เราโดยโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของเราที่เราผูกเอาไว้กับระบบตั้งแต่แรกก่อนที่จะเล่นหุ้น  การจ่ายเงินปันผลก็จะมีการจ่ายต่อหุ้นเลย เช่นถ้ามี 100หุ้น บริษัทปันผลหุ้นละ 1บาท เราก็จะได้เงินปันผล 10 บาท  

ซื้อหุ้นอะไรดี

เริ่มสนุกครับ เพราะเห็นกำไร ผู้เขียนก็เริ่มคิดว่า จะซื้อหุ้นอะไรเพิ่มดี  ธุรกิจ กลุ่มไหนดี กลุ่มสื่อสาร,ของกิน ,สุขภาพ,ที่อยู่อาศัย ,วัสดุก่อสร้าง ฯ ฟังเยอะครับ  ทีวีออนไลน์ช่อง Money Channel ได้ข้อมูลมากมาย  แต่ข้อมูลอีกช่องทางหนึ่งก็คือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลของนักวิเคราะห์โดยตรงเลยครับ เอาละครับเท่าที่เลือกหุ้นได้ตอนนี้ ก็มีหลายตัวอาทิเช่น

                -Advance นี่เรื่องการสื่อสาร AIS เก่า

            -Supalai ก่อสร้างทั่วประเทศ บ้าน คอนโด

            -Major โรงภาพยนตร์ นี่ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนต์

            -ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)นี่วัสดุก่อสร้าง สาขาทั่วประเทศ เครือข่ายแข็งแกร่งมาก

            -สหพัฒน์บริษัทไทยที่มีบริษัทในเครือเข้าตลาดหลักทรัพย์มากที่สุด

                -กันยงอิเล็คทริคขายทีวี ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้า

            -ซีพี (CPF)ของกิน บริษัทนี้แน่นอน ลงทุนในต่างประเทศเยอะมาก

นักวิเคราะห์บอกว่า ที่น่าสนใจคือ ปูนซิเมนต์ไทย ครับ บอกว่าซีพีมีภาวะสะดุดเรื่องการส่งออก กันยงหุ้นไม่หวือหวา  อันนี้เราไม่ได้ติดตามข้อมูลเชิงลึกของแต่ละบริษัทตลอดเวลา เราก็ต้องมีความเชื่อหละครับ  ฟังแล้วก็ต้องคิดตามเอาเองด้วยครับ  สรุปว่า ผู้เขียนสนใจหุ้น 2 ตัวครับ คือ SCC กับ CPF  

-เรามาลองวิเคราะห์ หุ้น 2ตัวนี้ดูนะครับ   สิ่งที่ผู้เขียนต้องถามกับเจ้าหน้าที่ ก็คือ  เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา หุ้นราคาต่ำสุด-สูงสุด หุ้นละเท่าไหร่ อันนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ แล้วก็ต้องเปรียบเทียบหุ้นราคาปัจจุบันครับ ว่าราคาตก หรือ ราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ 6 เดือนที่ผ่านมา  ดูคร่าวๆแหละครับ แล้วก็ต้องสอบถามคำถามอีกคำถามว่า  ราคาพื้นฐานของหุ้นตัวที่เราจะซื้อราคาต่อหุ้นเท่าไหร่   

(1) หุ้นปูน SCC ราคาวันนี้ 420บาทต่อหุ้น

-ราคาหุ้นต่ำสุด-สูงสุดเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ระหว่าง 365-468 บาทต่อหุ้น

-ราคามูลค่าหุ้นพื้นฐานของหุ้นปูน อยู่ที่ 530 บาทต่อหุ้น (ผู้เขียนก็สอบถามว่า ราคาหุ้นพื้นฐานคืออะไร นักวิเคราะห์ตอบว่า มันเป็นมูลค่าหุ้นที่น่าจะเป็นของบริษัทนั้นๆ คิดจากปัจจัยต่างๆรอบด้านแล้ว)

-เจ้าหน้าที่บอกว่า  ถ้าจะซื้อ รอให้ราคาต่ำหน่อยก็น่าจะดี ซัก 400 ต้นๆก็น่าจะซื้อเก็บไว้

(2) หุ้นซีพี หรือ CPF ราคาต่อหุ้นตอนนนี้ 27.25-

-ราคาหุ้นต่ำสุด-สูงสุดเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ระหว่าง 28-32 บาทต่อหุ้น

-ราคามูลค่าหุ้นพื้นฐาน อยู่ที่ 35 บาทต่อหุ้น

-เจ้าหน้าที่บอกว่า  น่าจะซื้อตอนที่ราคา 26.50-

ซื้อหุ้น+ค่าธรรมเนียม

เอาหละครับ มีหุ้น 2ตัว ให้พิจารณา แต่ว่า SCC แพงมากครับต่อหุ้น ดังนั้นน่าจะเลือกซื้อ CPF น่าจะดีกว่าเพราะ เป็นการซื้อหุ้นเพื่อการศึกษา และเขียนบทความ ไม่น่าจะเสี่ยงมากไปครับ ผู้เขียนก็ทำตามขั้นตอนเดิมครับ ก็คือ

                -ขั้นแรก  โอนเงินของเราไปที่ บัญชีที่เรามีไว้เพื่อการซื้อหุ้น

                -ขั้นที่สอง แจ้งการโอนเงินให้แบงค์ที่เรามีบัญชีซื้อขายหุ้น ให้รับทราบ

                -ขั้นที่สาม รอเงินเข้าบัญชีที่จะทำการซื้อหุ้น

                -ขั้นที่สี่  เมื่อเงินเข้าแล้วก็ทำการซื้อหุ้น โดย login เข้าไปในระบบ แล้วก็ทำการซื้อขาย ตามที่เคยที่เขียนไว้ใน บทความก่อนหน้านี้

สิ่งที่ผู้เขียนได้เรียนรู้เพิ่มเติมในการซื้อหุ้นก็คือ ถ้าตลาดปิดอยู่ เราก็สามารถทำการซื้อหุ้นทิ้งไว้ได้เลย แล้วก็รอจนตลาดเปิด ถ้าราคาหุ้นที่เราตั้งซื้อไว้ ตรงกับราคาตลาด เราก็จะซื้อได้ แต่ถ้าไม่มีราคาหุ้นตามที่เราตั้งเอาไว้  เราก็จะซื้อหุ้นตัวนั้นไม่ได้  การเซ็ทการซื้อหุ้นล่วงหน้าจะทำได้วันต่อวันเท่านั้น  ถ้าราคาจะซื้อไม่ตรงกับราคาตลาด เราก็ต้องเข้าไปทำการซื้อใหม่ในวันถัดไป   

-ผู้เขียนได้ทดลองทำแล้วครับ เข้าไปซื้อล่วงหน้าหุ้นซีพี (CPF)ตั้งราคาซื้อไว้ที่ 26.50บาทต่อหุ้น ซื้อไม่ได้ครับ ราคาหุ้นขยับไปมา 26.70-26.80  บาทต่อหุ้น

-เอาละครับ ในเมื่ออยากได้มาก เพราะราคาหุ้นพื้นฐานบอกว่า 35- ก็เลยต้องเข้าไปยกเลิกการเซ็ทราคาที่ 26.50 เข้าไปทำการซื้อที่ราคา 26.80- ให้ตรงกับราคาตลาดเลยครับ  ได้แล้วครับ ยอมให้ซื้อครับ ผู้เขียนซื้อได้ที่ 26.80*100 หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2680 บาท

-อีกสองสามวัน เข้าไปดูราคาหุ้นใหม่ มันไม่ใช่ 26.80 ต่อหุ้นแล้ว งง ครับ ??? ก็เลยต้องรีบโทรคุยกับเจ้าหน้าที่เป็นการด่วน ได้ความว่า  

-ซื้อหุ้นราคา 26.80- ไม่ได้ต้องซื้อที่ราคา 26.75- ต้องทีละ 25 สตางค์ หมายความว่า 100หุ้น ราคาคือ 2675-

-ค่าคอมมิชชั่น 0.1578%จากมูลค่าที่ซื้อ ก็คือ 2675*0.1578%=4.22-

-ถ้าค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายต่อวัน ไม่ถึง 50- จะต้องจ่ายเงิน 50- เป็นขั้นต่ำ สรุปว่า มูลค่าหุ้นคือ 2675+50+ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 3.51 = 2728.51 , ดังนั้นค่าหุ้นคือ 2728.51/100 = 27.28 บาท ต่อหุ้น

-อันนี้ต้องศึกษาครับ เล่นกันเป็นจุดๆ เป็น%ครับ ถึงว่าครับ โทรไปเค้าก็ให้การบริการเราอย่างดีในการให้ข้อมูลเรื่องหุ้น  ไม่มีอะไรฟรีในโลกนี้ครับ  มันเป็นอาชีพครับ ทุกอาชีพก็ต้องการเงินกันทั้งนั้น ไม่งั้นจะกินอะไรกันหละครับ

ระบบหลังร้าน

ผู้เขียน  เขียนเรื่องการซื้อขายหุ้นมาสองบทความแล้ว  บทความนี้ขอพูดถึง  ระบบหลังร้านของการซื้อขายหุ้น (ของธนาคารกสิกรไทย) หน่อยครับว่ามันยากง่าย อย่างไร  คือหลังจากที่ login เข้าไปในระบบ àไปคลิกที่หัวข้อ K-Cyber Trade ที่ด้านบน à คลิกตกลง àหน้าจอภาพจะโชว์เมนูด้านบน แต่ละหัวข้อ ดังนี้

                -Home

            -Market Data ภาวะตลาด มีหัวข้อย่อย หลายหัวข้อ แต่ที่สำคัญคือ หัวข้อแรก คือ Streaming-Pro คลิกหัวข้อนี้เพื่อทำการซื้อขายหุ้นออนไลน์

            -Portfolio มีข้อย่อยหลายหัวข้อเหมือนกันครับ  ยกตัวอย่างหัวข้อแรก คือ พอร์ตการลงทุน  ข้อนี้จะบอกว่า เราเอาเงินไปลงทุนอะไรบ้าง หลักทรัพย์ ,ตราสารอนพันธ์ ,กองทุนรวมและตราสารหนี้ อย่างละกี่% ,มีหัวข้อรายการประวัติการซื้อหุ้น นอกจากนี้ยังมีหัวข้อที่เข้าไปดูรายการลงทุนของเราเองว่ามีหุ้นอะไรบ้าง หุ้นแต่ละตัว กำไรขาดทุน เท่าไหร่ และรวมหุ้นทุกตัว กำไรขาดทุน เป็นเงินเท่าไหร่

            -Place Order ห้อข้อนี้สามารถมาทำการสั่งซื้อขายหุ้นได้เหมือนหัวข้อ Market Data เพราะมีหัวข้อ Streaming-Pro เหมือนกันครับ

            -Decision Support

                                -ks research อันนี้มีบทวิเคราะห์ต่างๆ มากมายเลยครับ อ่านไม่หมดครับ

                        -economic calendar ปฎิทินเศรษฐกิจ

                        -listed company info ให้เราใส่รหัสย่อของหุ้นที่เราต้องการจะรู้ข้อมูลว่าบริษัท นั้นๆมีรายละเอียดอะไรบ้าง  ผู้บริหาร ,รายงานทางการเงิน ,ข่าวสาร ,ข้อมูลเงินปันผล ฯ

                        -investor type info ข้อมูลการซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุน

                        -top ranking info เมนูนี้ดีครับ มีราคาหุ้นต่ำสุด สูงสุดของหุ้น ในแต่ละช่วงเวลา เราเลือกเวลาได้ มาให้เราวิเคราะห์สภาพของหุ้นที่เราสนใจจะซื้อ พร้อมถึงโชว์ราคาปัจจุบันให้ดูด้วย

                        -trading sign info ข้อมูลการขึ้นเครื่องหมาย

                        -ks alert & screener เมื่อคลิกข้อนี้ จะพาไปอีกเวบไซด์หนึ่งครับ

                        -research preference รับบทวิเคราะห์/ข้อมูลภาวะตลาด

            -Account Management คือบริการทางบัญชี  ที่ต้องใช้งานคือหัวข้อ แจ้งข้อมูลการโอนเงิน อันนี้เมื่อเราทำการโอนเงินไปเพื่อซื้อหุ้น เราจะต้องเข้าไปที่หัวข้อนี้เพื่อแจ้งว่าเราโอนเงินไปแล้ว ,อีกหัวข้อที่สำคัญคือถอนเงิน คือถ้าเราต้องการถอนเงินจากบัญชีที่ลงทุนหลักทรัพย์ไปยังบัญชีออมทรัพย์ที่เราเชื่อมเอาไว้ ต้องมาทำที่หัวข้อนี้

            -Setting หัวข้อนี้เป็นการกำหนดค่า ต่างๆของระบบ เช่น การกำหนดเมนูลัด,การเปลี่ยนรหัส pin ฯ

            -Help มีหัวข้อย่อย ติดต่อเรา ,เสนอแนะ,แผนผังเว็บ,คู่มือการใช้งาน ,ดาวน์โหลดโปรแกรม,ถาม/ตอบ,คำศัพท์,อัตราค่าธรรมเนียม

บทสรุป

ก็เหมือนเดิมนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยง…..แต่ถ้าไม่เสี่ยงก็ได้แค่ 2% จากเงินฝาก แล้วก็มีภาวะเงินเฟ้ออีกละครับ  บางทีเงินเฟ้อ(4%)อาจจะมากกว่าดอกเบี้ยแบงค์อีกนะครับ  แล้วอย่างนี้ เราๆท่านๆ จะลองดูสิ่งใหม่ๆบ้างมั๊ยละครับ นี่ผู้เขียนใช้เวลาไปประมาณ 2อาทิตย์แล้ว  ถ้าจะขายหุ้นกรุงไทย (KTB)ตอนนี้เลยก็จะได้เงิน 1,000- แล้ว ถ้า 2อาทิตย์ได้ 1000- เดือนหนึ่งก็ได้เงินเก็บเพิ่มมาเป็น 2,000-(นี่คิดแบบแง่ดีนะครับ) เพราะลำพังเงิน 17,000- ของผู้เขียนที่ทดลองลงทุนไป  ถ้าเอาไปฝากแบงค์ ปีหนึ่ง 2% ก็จะได้ดอกเบี้ยแค่ 340-   ถ้าฝาก 2 อาทิตย์จะได้ดอกเบี้ยประมาณ 14 -   มันกี่เท่าครับ 14- เปรียบเทียบกับ 1000-  ท่านผู้อ่านลองคิดดูแล้วกันครับ  นี่ขนาดเป็นมือใหม่ซิงๆ เล่นหุ้นแบบไม่ได้คิดอะไรมากเลยนะครับ  แล้วยังจะรออะไรอยู่คร๊าบบบบบ………..