แสดงหัวข้อทั้งหมด

Internet Banking –B  PAY

ก่อนจะเขียนบทความเรื่องนี้ ขอประชาสัมพันธ์ ให้ท่านผู้อ่านไปอ่านบทความ  ในหนังสือ Thaipress Vol.12 Issue 217,19 March-1April 2009 หน้า a19 ครับ ดีมากครับ บทความเรื่อง “เช็ค Hotmail ด้วย Gmail ทำยังงี้นี่เอง “ ผู้เขียนก็เป็นผู้อ่าน เหมือนกับท่านนี่แหละครับ อ่านแล้วก็เอาไปลองทำด้วยครับ ดีมากเลยครับ สำหรับท่านที่มีเมลของ hotmail มาก่อน แล้วก็มีของ gmail ด้วย แล้วอยากเช็คเมลที่ gmail ที่เดียวไม่ต้องไปเข้าทั้ง hotmail แล้วก็ไปเข้า gmail อีกครั้ง เสียเวลาครับ บทความนี้จะบอกวิธีที่ทำให้ท่านเข้า gmail และสามารถ เช็คเมลของ hotmail ได้ที่เมลของ gmail เลย เรียกว่าไม่เสียเวลาเข้า 2 เมลครับ

เอาละครับมาเริ่มกันเลยครับ Internet Banking แปลตรงตัวว่า แบงค์ทางอินเตอร์เน็ต  เราอาจจะเคยชินกับการใช้ ATM ซึ่งมันก็เหมือนเป็นแบงค์อย่างหนึ่งทำหน้าที่ถอนเงิน  แต่ที่เมืองไทยจะเห็นว่านอกจากถอนเงินแล้ว เดี๋ยวนี้ยังอลังการมาก มีทั้งเครื่องฝากเงิน , Update Book bank  เรียงกัน 3-4 ตู้ เรียกว่าเหมือนสาขาแบงค์ย่อยๆเลยหละ  เพราะมีการคำนวณว่าถ้าเราไปทำรายงานที่หน้าเค้าเตอร์โดยพนักงานแบงค์ให้บริการเรา  ต้นทุนในการใช้พนักงานบริการ จะสูงกว่าการใช้เครื่องทำงานทั้งเครื่องถอนเงิน  รับฝากเงิน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมแบงค์ถึงกล้าลงทุนมีเครื่องต่างๆไว้คอยบริการลูกค้า   Commonweath Bank ก็ไม่น้อยหน้านะครับผมเห็นเครื่องนับเหรียญ ตั้งอยู่ ก็ได้ทดลองใช้มาแล้ว มันทำการโดยการท่านเอาเหรียญ ที่ต้องการจะนับเทลงไปในเครื่องนี้ เสร็จแล้วเจ้าเครื่องนี้มันก็จะนำเหรียญไหลลงไปตามสายพาน แล้วก็จะคัดแจก พร้อมทั้งนับเหรียญให้กับท่าน เสร็จแล้วก็จะพิมพ์ใบสรุปยอดเงินออกมาให้  แล้วท่านก็เอาใบสลิบจำนวนเงินนี้ ไปฝากเข้าบัญชีธนาคารของท่าน โดยไม่ต้องไปนับเหรียญกันหน้าเค้าเตอร์  ที่เมืองไทยให้นับเหรียญเพื่อฝากเงิน ยังคิดค่านับเลยมั้ง ผู้เขียนละ งง  ว่าจะคิดไปทำไม

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่เครื่องที่ช่วยธุรกรรมของธนาคารในด้าน Off line  มาดูในด้าน Online บ้าง ท่านผู้อ่านเคยเช็คยอดบัญชีของตัวเองผ่านอินเตอร์เน็ตมั๊ยครับ,  เคยโอนเงินให้บัญชีเพื่อนหรือเจ้าหนี้ผ่านอินเตอร์เน็ตมั๊ยครับ , เคยโอนเงินจากบัญชีที่ออสเตรเลียไปเมืองไทยหรือเปล่าครับ ลดต้นทุนการเสียค่าโอนได้ 6$ ต่อครั้ง โอนที่เค้าเตอร์ 28 เหรียญต่อ 1000 $ หรือไงเนี่ย  แต่ถ้าเราเข้าที่ Internet Banking แล้วโอนเองเสียค่าธรรมเนียมแค่ 22$ แล้วไหนจะค่าเดินทางไปกลับแบงค์อีก  เวลาที่ใช้ไปอีก ผู้เขียนคิดว่าเราประหยัดได้รวมเป็นเงิน 10-15 $ ได้มั้ง  ไม่แปลกหรอกครับที่ท่านผู้อ่านจะไม่เคยใช้งานแบงค์ผ่านอินเตอร์เน็ต ขนาดพี่ชายผู้เขียนเองที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ก็ยังไม่เคยใช้เลย  ในแต่ละวันที่ถึงดิวจ่ายเงินเจ้าหนี้ ก็หอบทั้งเงินและบิล ไปที่แบงค์หรือ ไปรษณีย์ เพื่อไปจ่ายบิลต่างๆ  ทำไปทำไมครับ ถ้ามีทางอื่นที่ทำได้ดีกว่า  ง่ายกว่า ประหยัดทั้งเวลา แล้วก็ปลอดภัย ไม่ต้องกำเงินสดไปไหนต่อไหน เงินก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขนะครับ   บวกแล้วก็ลบ  (แถมนิดครับ  เค้าบอกว่าเงินไม่สำคัญหรอกครับ ตราบใดที่เรายังไม่ได้ใช้มัน จริงหรือเปล่าครับท่านผู้อ่าน)

ผู้เขียนใช้ Net Banking มาตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้วครับ เคยใช้มาหลายแบงค์ทดลองหมดแล้ว ที่คิดว่าดีที่สุดน่าจะเป็นของกรุงไทย ไปที่ www.ktb.co.th แล้วก็ไปคลิกที่ ktb online การสมัครใช้งานก็สมัครผ่านหน้าเวบไซด์ได้เลย  แล้วตอนเพิ่มเบอร์บัญชี ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรา ก็ไม่ต้องไปเพิ่มที่แบงค์ สามารถทำผ่านเน็ต แล้วทางแบงค์จะส่ง รหัสย่อให้เราผ่านมาทางมือถือ เพื่อยืนยัน  เราก็เอารหัสที่ได้รับบันทึกยืนยันการเพิ่มบัญชี ลงไปที่หน้าเวบไซด์  เมื่อก่อนโอนได้แค่ธนาคารกรุงไทยด้วยกัน เดี๋ยวนี้โปรแกรมโอนข้ามธนาคารผ่าน Net Banking เสร็จแล้ว  ก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ในการทำธุรกิจผ่านเน็ต   ท่านผู้อ่านสามารถดูยอดเงินคงเหลือได้ทันที ,สามารถจ่ายเงินค่าสาธารณูปโภคผ่านเน็ตได้  ,ดูประวัติ หรือ statement ได้ตลอดเวลา แล้วก็จะสั่งพิมพ์ออกมาใช้งานก็ได้   โดยไม่ต้องไปขอ statement ที่แบงค์

ที่ออสเตรเลียการใช้ Net Banking ยิ่งง่ายกว่าการใช้ในเมืองไทย เพราะที่นี่  ระบบโทรศัพท์เป็นแบบ 3 G  เมืองไทย 2 G กว่ามั้งครับ ไม่ต้องคิดมากครับเรื่องเทคนิคของโทรศัพท์  3 ก็ต้องดีกว่า 2 ละครับ หมายความว่า มือถือที่ใช้งานในประเทศนี้ สามารถเข้าอินเตอร์เน็ตได้ง่าย อาจมีคนเรียกว่า  Mobile Banking ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน  ก็มีธนาคารไปกับท่านด้วยบนมือถือ  เรียกว่า ไม่ต้องพกเงินสด  ,ไม่ต้องพกเช็ค  อยากจะจ่ายเงินใครก็เปิดธนาคารบนมือถือขึ้นมา แล้วก็โอนเงินได้ทันที เพียงปลายนิ้วสัมผัส  แล้วที่แน่กว่านั้นคือ มีระบบจ่ายเงินที่เรียกว่า BPAY หมายความว่าอย่างไร ??? ถ้าท่านผู้อ่านเคยได้รับบิลแจ้งหนี้  ด้านหลังบิล โปรดสังเกตว่ามี วิธีการชำระเงินว่าท่านสามารถชำระเงินด้วยวิธีไหนบ้าง  Post , รูปซองจดหมาย ,แล้วก็มีสัญลักษณ์ B pay พร้อมทั้งบอก Biller Code :xxxxx  และ Ref : yyyyyyyy นี่แหละครับ ท่านสามารถจ่ายบิลนี้ได้ด้วยวิธี BPAY เออ แล้วจะจ่ายยังไงครับ ??? สมมติว่า สมัครใช้ Net  Banking แล้ว

ครับเข้าไปที่เวบไซด์ของธนาคารที่ผู้อ่านมีบัญชีอยู่ และสมัครใช้ Net banking แล้ว หลังจากใส่ User and Passward แล้ว หาเมนูที่เขียนว่า BPAY ครับ  คลิกครับ (ผู้เขียนอธิบายตาม Menu ของCommonbank Net Banking)

1-จะมีเมนูขี้นมาถามว่า จะตัดเงินจากบัญชีไหน  เลือกบัญชีของเราครับ 

2-ถามว่า To biller หมายถึงบิลของใคร  เจ้าหนี้เราคือใคร ถ้าเราเคยจ่ายมาแล้วก่อนนี้ ก็ให้คลิก select แล้วก็เลือกได้เลย  แต่ถ้าเป็นการจ่ายครั้งแรก ก็ไปคลิกที่ New  biller .ให้บันทึกตัวเลข ที่เอามาจากหัวข้อ Biller Code 

3.หัวข้อ  Bill details ก็บันทึก bill nickname  แล้วแต่เราจะบันทึกว่าอะไร ,หน้าจอถาม Customer  reference number ก็เอาตัวเลขที่แจ้งมากับบิล  บันทึกลงไป

4.ให้ใส่จำนวนเงิน ที่ต้องการโอน

5.กำหนดวันที่เราจะจ่ายได้ , จ่ายวันนี้  หรือกำหนดจ่ายล่วงหน้า หรือจ่ายทุกเสาร์

คลิก pay bill แล้วก็ยืนยันการจ่ายเงิน  เป็นอันเสร็จพิธี เงินถูกตัดไปจากบัญชีเราแล้ว

ง่ายมั๊ยครับท่านผู้อ่าน กรณีที่ในบิลแจ้งหนี้ไม่มีสัญลักษณ์ BPAY ไม่ต้องกังวลครับ ในการโอนเงินให้ใคร ง่ายครับ ไปที่หัวข้อ Transfer ก็คือการโอนเงินนั่นแหละครับ  เลือกบัญชีที่ต้องการโอน,  ,เลือกบัญชีรับโอนเงิน  กรณีเป็นบัญชีที่จะโอนเงินให้ครั้งแรก  ต้องมี BSB Number และ  Account Number , ถัดไปใส่จำนวนเงินที่ต้องการโอน, กำหนดวันโอนเงิน พร้อมยืนยันการโอนเงิน  เรียบร้อยครับ  เมื่อสองวันที่แล้วผู้เขียนก็โอนเงินให้เจ้าหนี้ด้วยวีธืนี้ แล้วก็โทรไปถามว่าได้รับเงินมั๊ยครับ  เค้าก็ตอบมาว่า เช็คยอดเงินได้พรุ่งนี้เช้า ตอนนี้ดู statement ไม่ได้  ผู้เขียนก็ตอบไปว่า ถ้ามีอินเตอร์เน็ตนะ ดูยอดเงินเข้าออกได้ตลอดเวลาไม่ต้องรอพรุ่งนี้   ครับ แล้วท่านผู้อ่านละครับ จะรอที่จะใช้ Internet Banking กันวันไหนดีครับ …..